4 วิธีปรับการศึกษา ปัจจุบันการศึกษาของไทยนับว่ามีความด้อยคุณภาพมากถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เพราะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้การศึกษาของไทยไม่พัฒนา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของตัวนักเรียนเอง หรือแม้กระทั่งตัวของครูผู้สอน ดังนั้น เราจึงต้องหาแนวทางการแก้ไขป้องกันช่วยกัน เพื่อให้เด็กไทยได้เรียนรู้อย่ามีคุณภาพ ด้วย 4 วิธีปรับการศึกษาไทยให้ดีขึ้น แล้วเราจะสามารถปฏิบัติได้อย่างไรบ้าง ไปศึกษาพร้อม ๆ กันเลย
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปัจจุบันโลกของเราได้รับการพัฒนาและก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ก้าวหน้าไปตามนั้น ดูเหมือนจะเป็นการศึกษาในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบ้านที่เราได้หยิบยกขึ้นมาเป็นข้อแนะนำแรกนี่เอง ซึ่งผลวิจัยล่าสุดพบว่านักเรียนในระดับประถมศึกษาไม่ได้รับประโยชน์จากการทำการบ้านหลังเลิกเรียนเลย จากการศึกษาพบว่ามีโรงเรียนหลายแห่ง เช่น Gaithers-burg ในรัฐแมริแลนด์ ได้ปรับเปลี่ยนการบ้านเป็นให้นักเรียนเลือกอ่านหนังสือที่ชอบเป็นเวลา 30 นาทีทุกวันแทน โดยครูใหญ่ได้กล่าวว่า นักเรียนของเธอดูมีความสนอกสนใจบทเรียนมากขึ้น ตั้งแต่โรงเรียนเริ่มปรับเปลี่ยนการบ้านตั้งแต่ปี 2011 โดยมีเด็กหลายคนที่มีพัฒนาการที่สูงขึ้นมากกว่าเด็กที่ยังได้รับการบ้านในแบบเดิม
แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้รับการพัฒนาทางสมองที่ดีก็คืออาหาร นั่นหมายถึงโรงอาหารที่มีอยู่ในโรงเรียนจะต้องเอื้อต่อสุขภาพการกินที่ดีของเด็ก ๆ ด้วย แม้ว่าโรงเรียนในอเมริกาจะจัดให้มีอาหารที่ถูกหลักสุขภาพในโรงอาหาร แต่การชักชวนให้เด็กหันมาเลือกรับประทานกลับเป็นเรื่องยากลำบาก โดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ บูมเมอร์ สคูล ออฟ พับลิค เฮลธ์ ค้นพบงานวิจัยที่ชี้ว่า มีนักเรียนเพียงครึ่งเดียวที่เลือกซื้อผักและผลไม้เป็นอาหารกลางวัน และเด็กจำนวนน้อยที่เลือกกินผักผลไม้ และเพื่อจะแก้ปัญหาดังกล่าว โรงเรียนบักกิ่งแฮม คันทรี่ ในเดลวิลล์ เวอร์จิเนีย จึงมีการปรับเปลี่ยนห้องครัวในโรงอาหารใหม่ เพื่อให้นักเรียนได้เห็นอาหารสดใหม่ที่กำลังถูกเตรียมพร้อม และโรงเรียนยังสนับสนุนให้นักเรียนผลิตวัตถุดิบเองในสวนของโรงเรียน เพื่อที่จะทำให้โรงเรียนเป็นจุดเริ่มต้นและส่งต่อการส่งเสริมการกินอย่างมีคุณภาพนั่นเอง
ถ้าแบ่งแยกความแตกต่างของเด็กนักเรียนในประเทศไทย จะเห็นชัด ๆ ในเรื่องของเด็กหลังห้อง และเด็กหน้าห้อง ซึ่งปกติเรามีความเชื่อว่าเด็กนักเรียนหลังห้องจะไม่ค่อยตั้งใจเรียน ต่างจากเด็กนั่งเรียนที่นั่งหน้าห้องนั่นเอง โดยในต่างประเทศมีผลวิจัยพบว่าการเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีความแตกต่างทางชาติพันธุ์ร่วมกันทั้งคนผิวขาว และผิวสีนั้นจะนำไปสู่ความสำเร็จที่สูงกว่า และเป็นการเตรียมความพร้อมเด็กสู่โลกแห่งการทำงานจริง และมีโรงเรียนในหลายรัฐที่พยายามสร้างให้เกิดสภาพการเรียนรู้ของเด็กที่มาจากพื้นฐานทางครอบครัวที่ต่างกัน และหลากชาติพันธุ์ร่วมกัน โดยในปี 2012-2013 พบว่า ในห้องเรียนประกอบด้วย เด็กผิวขาว 30.2 % เด็กผิวดำ 31.4% เด็กละติน 30.5% และเด็กเอเชีย 4.4% ซึ่งมีค่าเฉลี่ยด้านความหลากหลายทางชาติพันธุ์ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในระดับประเทศ
สิ่งที่เราได้เห็นในปัจจุบันของการลงโทษเด็กในโรงเรียนก็คือ เรื่องของทรงผมที่ผิดระเบียบ การแต่งกายมาโรงเรียนของนักเรียนที่ผิดวินัย เป็นต้น ซึ่งการลงโทษจำพวกกักบริเวณ หรือการพบครูใหญ่เพื่อแก้ปัญหา แทนที่จะให้นักเรียนเรียนรู้ว่าทำผิดนั้น คุณครูในโรงเรียนเดอแรม คอมมูนิตี้ ในรัฐเมนกลับเลือกใช้ข้อตกลงร่วม แทนระเบียบวินัย เช่น ถ้านักเรียนกระโดดโลดเต้นระหว่างชั่วโมงเรียน ครูจะถามนักเรียนว่า เขามีความคิดอย่างไรในการทำแก้พฤติกรรมที่รบกวนระหว่างเรียน อาทิ ยืนนั่ง 10 นาทีในห้องเรียน ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยพัฒนาพฤติกรรม โดยรอสส์ กรีนี นักจิตวิทยาในปี 2011 พบกว่า ระหว่างปี 2012-2013 มีการก่อกวนชั้นเรียนเพียง 8 ครั้งเท่านั้น ซึ่งลดลงจากเดิม 103 ครั้งหลังจากที่นำวิธีการนี้มาปรับใช้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับ 4 วิธีปรับการศึกษาไทยให้ดีขึ้น ที่เราได้นำมาแนะนำกันในวันนี้ ซึ่งแต่ละวิธีเป็นการปรับเปลี่ยนในต่างประเทศ โดยผลลัพธ์ของมันก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและความร่วมมือของทั้งคุณครูและนักเรียนนั่นเอง
หากคุณมีรายได้ที่ไม่พอใช้ เมื่อเทียบกับรายจ่ายที่มีมากขึ้นในแต่ละวัน เราอยากแนะนำให้คุณได้ลอง ลงทุนเดิมพันกับเกมสล็อต ทางเลือกใหม่ของนักลงทุน
ปัจจุบันไม่ว่าใครต่างก็สร้างรายได้จากการเล่นสล็อตออนไลน์กันทั้งนั้น เพราะเป็นเกมการเดิมพันที่ใช้เงินลงทุนเพียงแค่หลักสิบเท่านั้น แต่สามารถทำกำไรจากการเล่นได้หลายเท่าตัว ด้วย วิธีเดิมพันกับเกมสล็อต joker